เหรียญ แอปทอส (Aptos) โทเคนในกลุ่ม เหรียญกลุ่ม DeFi ที่เป็นเหรียญสามารถดึงดูดความสนใจของชุมชน Crypto ได้ในวงกว้าง ในขณะโปรเจกต์จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งในบทความนี้ จะเป็นการเจาะลึกเข้าไปในเหรียญ และเครือข่ายของ Aptos ทั้งยังมีการสำรวจความสามารถ ฟังก์ชันการทำงานต่างๆ และราคาความนิยม พร้อมระบบนิเวศที่หลากหลายของเหรียญ
Mainnet ตัวนี้ก็มีการเปิดตัวขึ้นในเดือนตุลาคมในปี 2022 ซึ่งถือว่าเป็นเหรียญตัวใหม่ที่เริ่มตัวจากช่วงที่ความนิยมสูงสุด ซึ่งเริ่มต้นขึ้นมาจาก Diem Meta หรือ Facebook ที่มีแนวคิดในการสร้างเหรียญ Stablecoin ที่ชื่อว่าโปรเจกต์ Libra ที่ทางเฟซบุ๊กพยายามที่จะเป็นผู้นำของสกุลเงินดิจิทัลเกี่ยวกับ Metaverse ก่อนที่จะยุติโครงการลงในช่วงปลายปี 2021 และก่อตั้งมาเป็น Aptos Labs
ดังนั้นแอปทอสจึงเกิดขึ้นมาจาก โครงการที่แยกตัวออกมาจากกลุ่มคนที่ยังต้องการพัฒนาต่อ ที่มีการรวมเอาผู้นำ และวิศวกรที่มีความกระตือรือร้น และมีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่มีความกระจายศูนย์เป็นความสำคัญอันดับ 1 โดยก็มีการระดมทุน และได้รับเงินหลายล้านจาก Andressen Horowitz และกองทุน VC อื่นๆ ซึ่งก็เพียงพอเป็นอย่างมากในการพัฒนาโทเคนนี้ให้แข็งแกร่ง [1]
ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ทางบล็อกเชนของแอปทอส ก็ได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างที่กล่าว โดยในเดือนมีนาคม 2022 เครือข่ายหลักของเชนนี้ก็ได้รับการลงทุนครั้งใหญ่ที่มีมูลค่ารวมถึง 200 ล้านดอลลาร์ จากบริษัทร่วมลงทุนที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ซึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้เชนนี้ได้รับความสนใจจากบริษัทใหญ่ๆ หลายเจ้าก็มีดังนี้
ที่มา: Aptos (APT): ตัวเปลี่ยนเกมในเทคโนโลยี Blockchain หรือไม่? [2]
ในการทำงานส่วนหลักๆ ในระบบฉันทามติบล็อกเชนนี้ก็ใช้การทำงานในแบบ Proof-of-Stake (PoS) แต่จะมีความแตกต่างเพิ่มขึ้นไปอย่างกลไก Byzantine Fault Tolerance ขั้นสูงที่มีการทำงานควบคู่ไปกับชุดเครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องในการเพิ่มประสิทธิภาพการ ประมวลผล และการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่เร็วจนไม่ทันตั้งตัว
ก็คือกลไกที่ผู้ถือโทเค็นนี้สามารถนำมาฝากไว้หรือการ Stake โทเค็นของตนในบล็อกของผู้ตรวจสอบความถูกต้องได้ ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นการเพิ่มน้ำหนักในการลงมติของผู้ตรวจสอบได้มากขึ้น และรางวัลเหรียญก็จะแจกจ่ายตามสัดส่วนของจำนวนโทเค็นที่ Stake ไว้นั่นเอง โดยผู้ตรวจก็จะใช้น้ำหนักหรือจำนวนเหรียญเหล่านั้นไปเข้าร่วมในฉันทามติและการกำกับดูแลเชน
โดยไคลเอนต์ของแอปทอส จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท เป็นโหนดแบบ Full แบบ Light โดยแบบแรกจะเป็นไคลเอนต์ที่จำเป็นจะต้องเก็บสำเนาทั้งหมดของบัญชีแยกประเภทของ Aptos และไคลเอนต์แบบที่สองจะทำหน้าที่เก็บเฉพาะสำเนาที่ตัดแต่งแล้วไว้ พร้อมทั้งสองก็จะส่ง Queries ไปยังผู้ตรวจสอบความถูกต้องเพื่อขอประวัติการตรวจสอบ ก่อนที่จะส่งธุรกรรมที่จะเพิ่มเข้าไป
ทีมของแอปทอสนี้ ก็มีการอ้างว่าภาษาที่ใช้ในสัญญาอัจฉริยะที่ซับซ้อนของ Move นั้น มีความสมบูรณ์ ซึ่งทำให้ธุรกรรมมีความรวดเร็วและปลอดภัย ซึ่งเป็นภาษาที่เรียกว่า Move ยังช่วยให้สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ Blockchain และ Smart Contracts ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ที่มา: โปรเจกต์ Aptos: มาเรียนรู้เกี่ยวกับโปรเจกต์และเครือข่ายของมันกัน! [3]
สำหรับราคาของเหรียญนี้ในปัจจุบันก็ไม่มากหรือน้อยเกินไป ซึ่งจากข้อมูลในวันที่ 12 สิงหาคม 2024 ที่เป็นการอ้างอิงจากเว็บไซต์รายงานอันดับคริปโต coinmarketcap ซึ่งก็มีราคาอยู่ที่ 5.85 ดอลลาร์ หรือราวๆ 206.26 บาทต่อเหรียญ ซึ่งก็เคยไปแต่จุดสูงสุดที่ 20.39 ดอลลาร์ในต้นปี 2023 และในส่วนของความนิยมใช้งานก็เป็นเหรียญที่อยู่ในอันดับ 27 ของโลกจากรายละเอียดดังนี้
เข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับราคาเพิ่มเติมที่ coinmarketcap
หนึ่งในโฟกัสหลักของแอปทอสก็คือความสามารถในการปรับแต่ง และความสามารถในการอัปเกรด ที่มีความปลอดภัยระดับสูง จากเทคโนโลยี Modular Design ซึ่งได้รับการสร้างแบบจำลองออกมา และมีการสนับสนุนเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันภัยคุกคาม ซึ่งก็มีการพัฒนาต่างๆ จากแอปทอสที่เป็นไปได้มากกว่านี้ด้วย
ที่มา: โปรเจกต์ Aptos: มาเรียนรู้เกี่ยวกับโปรเจกต์และเครือข่ายของมันกัน! [3]
บล็อกเชนน้องใหม่หนึ่งที่เป็นกระแส และถูกจับตามองโดยนักลงทุนอย่างมหาศาล ในช่วงเปิดตัว และทำให้ราคาเหรียญที่พุ่งกระฉูดแบบหยุดไม่อยู่ บวกไปแล้ว 423% ในช่วงต้นปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งทาง Binance Research ก็ได้ออกมาเผยแพร่เธรดทวิตเตอร์โดยระบุเกี่ยวกับเหรียญดังกล่าวนี้ว่า อะไร ที่ทำให้เหรียญแอปทอสนี้บวกแรงบวกเร็วได้ถึงขนาดนี้
ซึ่งนอกจากราคาที่แรงฉุดไม่อยู่แล้วในด้านของโปรเจกต์ NFT ที่อยู่บนบล็อกเชนของเครือข่ายนี้ ก็พบว่าฐานของราคา หรือส่วนของ Floor price และปริมาณการซื้อขายยังมีการเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล โดยเหล่านักลงทุน NFT จึงมีความหวังว่าจะได้เป็นผู้บุเบิกแพลตฟอร์มเกี่ยวกับสินทรัพย์แบบนี้ และความนิยมดังกล่าวอาจจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก [4]
เหรียญที่ออกแบบมาเพื่อเป็นเหรียญสำหรับโลก DeFi ที่ยังมีโปรเจกต์ต่างๆ เกี่ยวกับการเงินกระจายอำนาจ NFT รวมไปถึงเกมต่างๆ อีกด้วย ซึ่งด้วยการเป็นเชนจากทาง Meta ในอนาคตเมื่อกระแสเมตาเวิร์สกลับมาอีกครั้งก็อาจทำให้เหรียญนี้เป็นอีกเหรียญหนึ่งที่เป็นพื้นฐานระบบเศรษฐกิจสำคัญของโลกอีกใบนั้นได้