
เหรียญ เทเธอร์ (Tether) เหรียญคริปโตที่มีเงินดอลลาร์มาค้ำมูลค่าของเหรียญไว้ จึงนิยมเรียกอีกอย่างกันว่า USDT โดยเป็นอีกเหรียญที่สามารถทำงานร่วมกันกับเครือข่ายอื่นๆ ได้ ซึ่งยังสามารถใช้เป็นเหรียญกลางที่อยู่ระหว่างเงิน Fiat กับ Crypto ที่นักเทรดนิยมใช้กันมากที่สุดในบรรดา เหรียญกลุ่ม สเตเบิ้ล พร้อมประโยชน์อีกมากมายที่เหรียญนี้สามารถทำได้
เหรียญนี้เกิดขึ้นจากแนวคิด ที่จะเปลี่ยนให้เป็นเหรียญให้มีความผันผวนต่ำมากที่สุด ท่ามกลางเหรียญกลุ่มอื่นที่มูลค่าผันผวนสูงมากๆ เพื่อเป็นเหรียญที่สามารถแทนมูลค่าให้เท่ากับ 1 ดอลลาร์เสมอ และยังแลกเปลี่ยนเป็นคริปโตอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเหรียญนี้ก็ถูกสร้าง และบริหารโดยบริษัท Tether ในปี 2014 โดย Brock Pierce ก่อนหน้านั้นมีชื่อว่า Realcoin
โดยเหรียญเทเธอร์นี้ ภายหลังยังมีการพัฒนาให้รองรับสกุลเงินอื่นๆ ได้อย่างหลากหลายทั้ง ยูโร หยวน หรือแม้กระทั่งเงินเยน ให้มีการใช้งานเป็นเหรียญที่เปลี่ยนเป็นคริปโตอื่น และสามารถ Swap กลับมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทางบริษัท Tether ก็จะมีการแสดงยอดเงินในบัญชีธนาคารไว้ตลอดด้วย เพื่อแจงจำนวนเงินทั้งหมดของ USD หรือสกุลเงินอื่นๆ ที่สํารองไว้ [1]
ในส่วนของการทำงานเหรียญดังกล่าวจะมีการผูกมูลค่าให้เท่าเทียมกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จากการที่เป็นบริษัทที่จะฝากเงินดอลลาร์เข้าไป และออกมาเป็นเหรียญเทเธอร์นั่นเอง พร้อมมีการจัดเก็บเงินดอลลาร์ไว้ในคลังของบริษัทสำหรับให้ผู้ที่ต้องการแลกกลับเป็นเงินได้ตลอดเวลา ในการกำหนดมูลค่าของเหรียญก็จะอยู่ในสัดส่วน 1:1 หมายความว่าทุกการออก 1 เหรียญก็จะมีการเก็บดอลลาร์ไว้
ที่มา: USDT คืออะไร? มาทำความรู้จักเจ้าพ่อ Stablecoin กันดีกว่า [2]
สำหรับจุดเด่นของเหรียญนี้ หลักๆ ก็คือความผันผวนที่ต่ำมากที่สุดในบรรดาเหรียญทั้งหมดที่ราคาอาจผันผวนได้ถึง 10% หรือมากกว่านั้นในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง จากการที่ตรึงมูลค่าไว้ที่ 1 ดอลลาร์เสมอ มากไปกว่านั้นเหรียญ Stable นี้ยังเหมาะกับมือใหม่ในวงการนี้ที่สนใจลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งทำความเข้าใจกลไกต่างๆ ได้ง่าย
ที่มา: Tether (USDT) คืออะไร? [1]
โดยราคาของเหรียญก็เป็นที่รู้อยู่แล้วว่าต้องอยู่ราว 1 ดอลลาร์ ซึ่งใน 24 ชั่วโมงราคาของมันก็จะขึ้นๆ ลง อยู่ราว 0.998 หรือ 1.1 ดอลลาร์นั่นเอง ซึ่งราคา ณ เวลา 09:49 ของวันที่ 11 กรกฎาคม 2024 ราคาก็อยู่ที่ 0.99 ดอลลาร์ พร้อมมูลค่าในตลาดที่สูงอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยครองอันดับที่ 3 ของโลกเลย กับรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจดังนี้
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ coinmarketcap
สำหรับเหรียญที่มีความเชื่อมโยงกับเงินสำรองโดยตรง เพื่อความโปร่งใส และการการันตีว่าเวลาที่นักลงทุนแลกคืนก็จะมีเงินสำรองให้ผู้ใช้ บริษัทนี้จึงมีการประกาศยอดเงินในบัญชีตลอดเวลา พร้อมมีการให้บริษัทตรวจสอบบัญชีที่ชื่อ Moore Cayman เข้ามาตรวจสอบในทุกไตรมาสให้กับเหรียญเทเธอร์ เพื่อความสบายใจของนักลงทุนพวกวาฬ ที่ซื้อครั้งละมากๆ
โดยในส่วนของทุนสำรอง หรือ Reserve ของเหรียญนี้อ้างอิงจากรายงานการสำรองของ Tether ก็จะมีมูลค่าเงินตามตลาดที่ใกล้เคียงกับจำนวนเหรียญในระบบมากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าสัดส่วนหลักๆ ก็จะเป็นเงินสด โดยจะมีสินทรัพย์อื่นที่เทียบเท่าเงินสดด้วย พร้อมกับสินทรัพย์ 3 อันดับแรก ก็จะเป็นพันธบัตรรัฐบาล 55.53% ตราสารหนี้ระยะสั้นอีก 28.47%, และกองทุนรวมเกี่ยวกับตลาดเงิน 9.63% [3]
หนึ่งในข้อควรระวังของเหรียญดังกล่าว ก็คือจำนวนเงินที่สำรองในคลังที่เกิดการสร้างขึ้นใหม่อยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็มีข้อสงสัยมาโดยตลอดว่า Tether อาจไม่ได้สำรองเพียงแค่เงินดอลลาร์เท่านั้น ในเหรียญทั้งหมดในเครือข่าย อาจมีสินทรัพย์ประเภทหุ้น ตราสารหนี้ หรือคริปโต อื่น ค้ำอยู่ด้วย ซึ่งก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย
นอกจากนี้ยังเคยข่าวว่า Tether Limited ถูกแฮ็กในช่วงปี 2017 ซึ่งทำให้ทางบริษัทสูญเสียเงินไปถึง 31 ล้านดอลลาร์ หรือจะเป็นในช่วงปี 2020 อีกครั้ง ที่ทาง New York State Attorney General ได้มีการฟ้องร้องกับบริษัทเทเธอร์ โดยพบว่ามีเงินสดที่ค้ำประกันไม่เท่ากับจำนวนเหรียญ USDT ที่มีในระบบ เนื่องจากเกิดข้อผิดพลาดก็อาจไม่มีเงินดอลลาร์ให้จ่าย [4]
อีกหนึ่งเหรียญที่มีการถูกตรวจสอบบ่อย เนื่องจากเป็นเหรียญที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในฐานะเหรียญสเตเบิ้ลคอยน์ ซึ่งยังเป็นเหรียญที่สามารถเป็นดั่งหลุมหลบภัย หรือ Safe Haven ในโลกคริปโตในยามที่เหรียญต่างอยู่ในช่วงผันผวนมากที่สุดอีกด้วย