เหรียญ สมาร์ทคอนแทกต์ (Smart Contract) คือเหรียญที่ถูกออกแบบมา ให้เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่สามารถใช้เขียนโปรแกรมลงไปได้ ซึ่งเหรียญต้นแบบและยังเป็นพื้นฐานตัวสำคัญของหลายๆ คริปโตอย่าง เหรียญ ส่งต่อมูลค่า หรือเหรียญมีมต่างๆ ก็คือ Ethereum ที่พัฒนาระบบนี่เกิดขึ้น ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ ที่เรียกว่า dApp รวมถึงแพลตฟอร์ม DeFi ขึ้นบนเครือข่ายอีเธอเรียม
สัญญาอัจฉริยะถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกช่วงปี ค.ศ. 1990 ให้มีระบบแบบ P2P (Peer to peer) ที่เป็นต้นแบบให้เกิด เหรียญ ส่งต่อมูลค่า ตามมา ที่มีมานานแล้ว ซึ่งนำมาใช้กับคริปโต ด้วยการเขียนโค้ดเพื่อระบุข้อตกลงระหว่างบุคคล ใกล้เคียงกับสัญญาบนโลกแห่งความเป็นจริง แต่ถูกสร้างเป็นรูปแบบดิจิทัล ที่สะดวกกว่า ปลอดภัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาคนกลางแต่อย่างใด [1]
ระบบนี้จึงเกิดเป็นการเขียนข้อตกลงไว้ก่อนที่แฟร์ๆ ขึ้นมาได้ ตัวอย่างเช่นมีคนทายว่าหาก Luna ราคาตกมาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ก็จะโอนให้ 1 ล้านบาท แต่ถ้าไม่อีกฝ่ายก็จะโอนมาแทน หากเงื่อนไขเกิดขึ้นระบบก็จะโอนทันทีที่เงื่อนไขผ่าน ซึ่งเหรียญตัวอย่างในปัจจุบันก็สามารถทำสัญญาแบบนี้ได้เกือบทั้งหมด แต่เหรียญที่โดดเด่นจริงๆ ก็จะมีดังนี้
เหรียญ อีเธอเรียม (Ethereum) คือเหรียญดิจิทัลที่มีขนาดใหญ่ และเป็นอันดับสองของโลกที่เปิดตัวในปี 2015 ซึ่งได้มีการออกโทเคนอีเธอร์ (ETH) ขึ้นมา เพื่อใช้บริการบน Ethereum สำหรับผู้พัฒนาแอปต่างๆ ใช้เป็นค่าบริการสำหรับ Transaction ซึ่งปัจจุบันก็มีแอป Defi ต่างๆ เกิดขึ้นมามากมายจากการใช้งานของเชนนี้
ที่มา: Ethereum(ETH) คืออะไร? ทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องรู้ [2]
เหรียญ คาร์ดาโน่ (Cardano) อีกเครือข่ายที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการขุดที่สามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้มากถึง 99% โดยมีอีกชื่อหนึ่งว่า ADA ซึ่งมาจาก Ada Lovelace ผู้หญิงที่ถือว่าเป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก และในการดำเนินธุรกรรมหรือรันสมาร์ตคอนแทกต์ก็จะใช้เหรียญนี้ในการชำระค่า Gas ต่างๆ ซึ่งก็มีรายละเอียดดังนี้
ที่มา: มาทำความรู้จัก ADA (Cardano) ให้มากขึ้น [3]
เหรียญ โพลกาดอท (Polkadot) อีกบล็อกเชนที่มีจุดประสงค์คล้ายกับ Ethereum และ Cardano โดยมีจุดน่าสนใจอย่างการเชื่อมต่อระหว่างเชน และเป็นดั่งศูนย์รวมของบล็อกเชนต่างๆ มากมายอย่าง Bridges และ Parachains ซึ่งโพลกาดอท ก็เรียกเครือข่ายของตัวเองว่าเป็น Internet of Blockchain นั่นเอง
ที่มา: Polkadot (DOT) คืออะไร? [4]
ระบบการโอนที่เกิดขึ้นได้ระหว่างสองบุคคล จากเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นมานานตั้งแต่ปี 1979 ที่อยู่ในยุคแรกเริ่มของอินเทอร์เน็ตถือว่า P2P เป็นสิ่งที่ใหม่และน่าสนใจ ซึ่ง P2P จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ลำดับที่หนึ่งก็คือ Pure P2P เครือข่ายที่ไม่ต้องเพิ่งเซิร์ฟเวอร์ Hybrid P2P ที่ควบคุมรายละเอียดด้วยเซิร์ฟเวอร์กลาง และ Super Peer ที่ลดเวลาการโหลดข้อมูล และมีประสิทธิภาพดีที่สุด [5]
ซึ่งภายหลังก็นำมาปรับใช้กับระบบของคริปโต ที่เรียกการทำธุรกรรมแบบใหม่ที่ทำได้ง่าย รวดเร็วโดดไม่ต้องเพิ่งธนาคาร หรือตัวกลางใดๆ แบบการธุรกรรมแบบเดิม โดย Server กลางคอยรับคำสั่งจาก User และก็ทำการตอบสนองโดยเทคโนโลยีของบล็อกเชนที่แต่ละผู้ใช้ได้ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้รับ และผู้ส่งข้อมูลในเวลาเดียวกันได้
สิ่งนี้เปรียบได้อย่างกับการทำสัญญาระหว่างบุคคลที่มีการจัดเก็บสำเนาของแยกเป็นโหนดต่างๆ ของชุดสัญญาไว้ได้ภายในบล็อกเชนที่ประกาศได้อย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งไม่ต้องมีการนัดนักกฎหมาย หรือตัวกลางที่มาร่างสัญญาแบบสัญญาปกติ เพราะเป็นเงื่อนไขที่ที่ทั้งสองฝ่ายยินยอมทั้งสองฝ่าย เพียงแค่ต้องตรวจสอบโค้ดให้ดีก็พอ
สำหรับสมาร์ตคอนแทกต์ เรื่องหนึ่งที่สำคัญสำหรับระบบนี้ หรือเหรียญกลุ่มนี้ก็คือ สิ่งที่สามารถสร้างผลลัพธ์หรือการโอน แบบอัตโนมัติที่จะทำงานทันทีหากเงื่อนไขทั้งสองฝ่ายตกลงไว้ ดังที่เราเขียนโค้ดไว้ได้เลย ซึ่งไม่ต้องให้คนมาทำงานหรือส่งเงินแทน ซึ่งเหรียญกลุ่มนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่หลายข้อเลย
ข้อดี
ข้อเสีย
ที่มา: Smart Contract คืออะไร? [1]
เหรียญแห่งการทำสัญญาที่เป็นการนำเทคโนโลยีหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน อย่างการกระจายอำนาจ และความโปร่งใสของโลกคริปโต ซึ่งยังเป็นบล็อกเชนที่สามารถใส่เงื่อนไขซับซ้อนต่างๆ ได้ ให้ไม่ต้องพึ่งบุคคลที่สามมา และไม่ต้องใช้เอกสารเกี่ยวกับกฎหมายเลย