เหรียญ สตาร์คเน็ต บล็อกเชนที่รองรับผู้ใช้ได้หลายพันล้านคน

เหรียญ สตาร์คเน็ต

เหรียญ สตาร์คเน็ต (StarkNet) คือเหรียญ Layer 2 Scaling Solution หรือที่มีความสามารถในด้านการปรับขนาดที่ต่างออกไปจากตัวอื่น โดยเป็นอีก เหรียญ ส่งต่อมูลค่า ที่ใช้ ZK-rollups โดยใช้ภาษาในการพัฒนา Dapps บนสตาร์คเน็ตคือ Cairo อาจมีความยุ่งยากสำหรับผู้พัฒนา แต่ในด้านการใช้งานเบื้องหน้าแล้ว นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก ยิ่งมีคนใช้เยอะก็ยิ่งเพิ่มความรวดเร็วไปอีก

ประวัติ StarkNet และ Starkwere กับทีมงานคุณภาพ

โดย Starkwere และเชนนี้ก่อตั้งมาในฐานะ Startup หน้าใหม่ด้าน Blockchain ซึ่งมีการก่อตั้งทีมงานในชื่อ Starkwere มาก่อนในปี 2018 คล้ายแพลตฟอร์มบิตคับของคุณท็อปเลย ซึ่งเชนนี้เน้นพัฒนา Layer 2 บน Ethereum จากทีมงานจากประเทศอิสราเอล พร้อมใช้เทคโนโลยี zk-STARK หรือ ZK-rollups ซึ่งปัจจุบันกำลังพัฒนาอยู่ 2 โปรเจกต์คือ StarkNet และ StarkEx จากทีมงานเสาหลักเหล่านี้

  • Eli Ben-Sasson: ตำแหน่งผู้ร่วมก่อตั้งหลัก และรับตำแหน่ง CEO ในบริษัทนี้ เขาจบปริญญาเอกจาก Hebrew University สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ แถมคุณคนนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้คิดค้น ZK-STARKS ร่วมกับ ผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่นๆ ด้วย
  • Oren Katz: ดำรงตำแหน่ง COO ผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาซอฟต์แวร์และ Product Management ซึ่งเคยทำงานที่บริษัทฟินเทคอย่าง Fundbox และ eXelate ในประเทศอิสราเอลกว่า 25 ปี
  • Avihu Levy: ผู้ดำรงตำแหน่ง CPO ของบริษัทนี้ โดยเคยร่วมก่อตั้งบริษัท Startup ที่เกี่ยวกับ cryptocurrencies มาแล้วอย่าง algo-trading 
  • Abdelhamid Bakhta: ผู้ดูแลระบบนิเวศของโทเคนนี้ หรือตำแหน่ง Head of Ecosystem ซึ่งก็คือผู้ที่ด่า คนไปถามหา Airdrop ในวันที่อดีต CEO ได้ประกาศลงจากตำแหน่ง ว่าเป็น E-baggers นั่นเอง เขาเคยทำงานอยู่ที่ Consensys แถมยังเป็นหนึ่งใน Core Developer ของ EIP-1559 ที่เกี่ยวกับการอัปเกรดเป็นเครือข่าย Ethereum อีกด้วย

ที่มา: Starknet โปรเจกต์ Layer 2 น้ำดี ที่ถูก Community ด่ามากที่สุด [1]

6 ความสามารถอันโดดเด่นของ เหรียญ สตาร์คเน็ต

ในเรื่องของความสามารถที่โดดเด่น นอกจากความสามารถที่เพิ่มความเร็วของธุรกรรมตามจำนวนผู้ใช้งานได้แล้ว เหรียญนี้ยังคงมาตรฐานของการใช้งานบล็อกเชน อย่างความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ทำให้เหรียญนี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนเหรียญอื่น ซึ่งจากความสามารถหลักของเหรียญนี้ก็แบ่งออกไปเป็น 6 อย่างดังนี้

  1. Scalability: หรือความสามารถในการขยายตัวของเชนในการรองรับธุรกรรมได้ไม่จำกัด โดยสตาร์คเน็ตใช้ระบบของตัวเองอย่าง Zero-Knowledge Rollups (ZK-Rollups) ซึ่งสามารถรวมหลายๆ ธุรกรรมในเชนหลักของ Ethereum ให้กลายเป็นธุรกรรมเดียวได้ มันจึงช่วยลดความแออัด แถมยังเพิ่มความสามารถในการทำธุรกรรมได้แบบไม่จำกัด
  2. Fee Cheaper: ข้อดีนี้ก็เป็นผลมาจากการลดความแออัดบนเครือข่ายหลัก ซึ่งเมื่อไม่มีความแออัด ทุกธุรกรรมเร็วอยู่แล้ว จึงทำให้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่ำกว่าการทำธุรกรรมโดยตรงบนเชนหลังของอีเธอเรียมได้มากมาย
  3. Security: เนื่องด้วยการใช้ระบบที่เรียกว่า ZK-Rollups ทำให้สตาร์คเน็ตสามารถรักษาความปลอดภัยได้ ในระดับเดียวกับ Ethereum ได้ เพราะการรวบธุรกรรมทั้งหมดมาเป็น 1 เดียวนอกจากจะง่ายแล้ว ก็ยังคงได้รับการยืนยันบน mainnet ของอีเธอเรียมบล็อกเชนอันดับ 2 ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกด้วย
  4. Privacy: เทคโนโลยี Zero-Knowledge Proofs นั้นให้ความสามารถในการทำธุรกรรมทั้งหมดได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญอย่างข้อมูลผู้ใช้ Wallet หรือระบุตัวตนใดๆ เพื่อการแลกเปลี่ยน ซึ่งเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ได้แบบ 100% 
  5. Interoperability: สตาร์คเน็ตสร้างขึ้นมา โดยให้เป็นเหรียญที่สามารถทำงานร่วมกับ Ethereum ได้ช่วยให้การใช้งาน cross-platform ข้ามแพลตฟอร์มหรือข้ามเครือข่ายได้แบบง่ายดาย
  6. Decentralization: เนื่องจากเป็นการทำงานของบล็อกเชน จึงสามารถรักษาหลักการของการกระจายอำนาจ อันเป็นสาระสำคัญของ blockchain ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ที่มา: ทำไมต้องใช้ StarkNet? [2]

Roadmap การพัฒนาการทำงานของ สตาร์คเน็ต

โดยในจุดเด่นของเครือข่ายนี้ที่กล่าวไป ก็นับว่าเป็นอีกคริปโตที่น่าสนใจ จากการใช้งานที่มีต้นทุนต่ำกว่า มันยังเป็นเครื่องมือที่เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ โดยใช้ภาษาใหม่อย่าง Cairo ซึ่งนอกจากนี้สตาร์คเน็ตยังมีแผนอัปเดตในอนาคตที่จะทำให้การทำธุรกรรมเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกด้วยจากแผนการพัฒนาดังต่อไปนี้ 

  • Starknet Ecosystem

ในระบบนิเวศของเหรียญนี้ ก็มีบริการหลากหลายที่จะช่วยให้ผู้ใช้งาน ได้รับประสบการณ์ที่ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งก็มีตัวอย่างคือ Argent X Wallet แบบเปิดที่ได้รับความสนใจอย่างมาก หรือ Braavos Wallet ที่ทำงานโดยสัญญาอัจฉริยะ และ สตาร์คเน็ต.ID บริการยืนยันตัวตนที่ให้ผู้ใช้สร้างโปรไฟล์ เฉพาะบุคคล หรืออีกตัวตนบนเครือข่ายมาได้

  • Starkware

บริษัท และทีมพัฒนาที่อยู่เบื้องหลังสตาร์คเน็ต ซึ่งดึงดูดความสนใจจาก VC ได้เป็นอย่างมาก จากการระดมทุนได้มากถึง 100 ล้านดอลลาร์ และในรอบ Series D ก็ได้รับการประเมินมูลค่าแตะ 8 พันล้านดอลลาร์ จากการนำโดย Greenoaks Capital, Tiger Global และ Coatue 

  • Tokenomics

ในด้านของ Tokenomics หรือตัวพัฒนาเหรียญ ก็ได้มีการสร้างโทเค็นที่ชื่อ STRK ออกมาถึง 1 หมื่นล้านโทเค็น โดยมีแผนจะอนุญาตให้สามารถซื้อขายได้ และมีสัดส่วนการแบ่งออกเป็น 50.1% ถือไว้เอง และขณะที่ 32.9% จะจัดสรรให้กับผู้สนับสนุนหลักรวมถึงทีมงานของ StarkWare และอีก  17% จะเป็นของนักลงทุน โดย 50.1% นี้เองที่จะถูกปล่อยไปในระบบของเครือข่ายให้ซื้อขาย 

ที่มา: ทำความรู้จัก Starknet การปฏิวัติ Ethereum ด้วยการขยายขนาด Layer 2 [3]

ราคา STRK โทเคนที่มีความผันผวนรุนแรงใน 24 ชม.

ราคาของเหรียญ สตาร์คเน็ต ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2024 หรือวันที่เขียนบทความนี้ อ้างอิงจากข้อมูลของเว็บไซต์ coinmarketcap มูลค่าต่อเหรียญก็อยู่ที่ 0.5149 ดอลลาร์หรือราว 18.60 บาทต่อเหรียญ ซึ่งร่วงลงไปกว่า 9.57% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งในด้านมูลค่าตลาดก็อยู่ที่อันดับ 85 ของคริปโตทั้งหมด และมีรายละเอียดโดยรวมดังนี้

  • มูลค่าตามราคาตลาด: 751.06 ล้านดอลลาร์
  • ปริมาณการซื้อขายในหนึ่งวัน: 81.69 ล้านดอลลาร์
  • อุปทานหมุนเวียนของระบบ: 1.46 เหรียญ ถูกล็อกไว้ที่ 10 พันล้านเหรียญ 
  • อุปทานสูงสุด: 10 พันล้านเหรียญ

ดูรายละเอียดของเหรียญนี้เพิ่มเติมที่ coinmarketcap

การใช้งาน เหรียญ สตาร์คเน็ต มีประโยชน์เรื่องใดบ้าง

การใช้งานโทเคนอื่นในแพลตฟอร์มนี้ ก็ยังทำได้ที่ประหยัดค่าธรรมเนียมมาก ซึ่งประโยชน์ที่เห็นได้ชัดก็จะเป็น การที่ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้มากขึ้นด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าและเร็วขึ้นได้เรื่อยๆ พร้อมทั้งยังมีประโยชน์อีกไม่น้อยในการใช้งานต่างๆ ดังนี้

  • ความเร็วในการทำธุรกรรม: การทำธุรกรรมบน เครือข่ายนี้สามารถเร็วขึ้นได้ เนื่องจากการลดภาระบนเชนหลักอย่างอีเธอเรียม ให้ตรวจสอบได้ในธุรกรรมเดียวไปเลย 
  • สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนได้มากขึ้น: ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี และภาษา Cairo ที่นักพัฒนาสามารถสร้าง decentralized applications (DApps) ที่มีความซับซ้อนสูงได้ ซึ่งด้วยการเป็นภาษาใหม่ในวงการนี้ก็ทำให้การพัฒนาเกิดความล่าช้าได้ เนื่องจากความซับซ้อน
  • เพิ่มความปลอดภัยจาก Ethereum mainnet: สำหรับการยืนยันธุรกรรม เครือข่ายนี้ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับธุรกรรมได้แบบสบายใจได้เลย
  • รองรับการใช้งานในวงกว้าง: ช่วยให้การใช้งานบริการต่างๆ จากสตาร์คเน็ตกลายเป็นเรื่องง่าย และประหยัดเวลามากขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แถมยังมีความเป็นส่วนตัวสูงด้วย

ที่มา: ทำไมต้องใช้ StarkNet? [2]

Zk-rollups อันเป็นแนวทางของสตาร์คเน็ต คืออะไร

แนวทางที่แตกต่างในการ “scaling” หรือจัดการกับการปรับขนาดของจำนวนธุรกรรมได้ แถมเทคโนโลยีนี้ยังช่วยให้ ไม่มีการเพิ่มเชนใหม่ๆ งอกขึ้นมาในระบบของเชนหลักได้อีกด้วย เหมือนเป็นการช่วยลดภาระลงขณะที่มีการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้ โดยทำงานเป็นเครือข่าย L2 ที่สามารถ scale ได้ไม่จำกัดพร้อมความปลอดภัยที่มีดังเดิม

โดยเทคโนโลยีนี้มีชื่อเต็มว่า zero-knowledge rollup ที่จะสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ในการไว้วางใจโหนดอื่น โดยไม่ต้องเรียกใช้การคำนวณใหม่อีก มันจึงช่วยลดจำนวนงานด้านการคำนวณโหนดทั้งหมดอีกครั้ง (Rerun) บนอีเธอเรียมได้อย่างมาก ซึ่งยิ่งมีผู้ใช้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่มีผลใดๆ ในการยืนยันธุรกรรม ตราบใดที่ใช้สตาร์คเน็ต ซึ่งรันธุรกรรมผ่านระบบ Zk rollups นี้ [4]

สรุป เหรียญ สตาร์คเน็ต โทเคนที่ยิ่งมีผู้ใช้เยอะก็ยิ่งเร็ว

เหรียญ สตาร์คเน็ต

เหรียญส่งต่อมูลค่า ที่ทำงานโดยตรงกับอีเธอเรียมที่เป็นเชนหลัก โดยเป็นเหรียญที่สามารถรวมธุรกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเครือข่ายเป็นก้อนเดียว มันจึงช่วยลดภาระให้เชนหลักได้สบายๆ และยังคงความถูกต้องของธุรกรรมได้ดังเดิม

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง