เหรียญ สตาร์คเน็ต (StarkNet) คือเหรียญ Layer 2 Scaling Solution หรือที่มีความสามารถในด้านการปรับขนาดที่ต่างออกไปจากตัวอื่น โดยเป็นอีก เหรียญ ส่งต่อมูลค่า ที่ใช้ ZK-rollups โดยใช้ภาษาในการพัฒนา Dapps บนสตาร์คเน็ตคือ Cairo อาจมีความยุ่งยากสำหรับผู้พัฒนา แต่ในด้านการใช้งานเบื้องหน้าแล้ว นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก ยิ่งมีคนใช้เยอะก็ยิ่งเพิ่มความรวดเร็วไปอีก
โดย Starkwere และเชนนี้ก่อตั้งมาในฐานะ Startup หน้าใหม่ด้าน Blockchain ซึ่งมีการก่อตั้งทีมงานในชื่อ Starkwere มาก่อนในปี 2018 คล้ายแพลตฟอร์มบิตคับของคุณท็อปเลย ซึ่งเชนนี้เน้นพัฒนา Layer 2 บน Ethereum จากทีมงานจากประเทศอิสราเอล พร้อมใช้เทคโนโลยี zk-STARK หรือ ZK-rollups ซึ่งปัจจุบันกำลังพัฒนาอยู่ 2 โปรเจกต์คือ StarkNet และ StarkEx จากทีมงานเสาหลักเหล่านี้
ที่มา: Starknet โปรเจกต์ Layer 2 น้ำดี ที่ถูก Community ด่ามากที่สุด [1]
ในเรื่องของความสามารถที่โดดเด่น นอกจากความสามารถที่เพิ่มความเร็วของธุรกรรมตามจำนวนผู้ใช้งานได้แล้ว เหรียญนี้ยังคงมาตรฐานของการใช้งานบล็อกเชน อย่างความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ทำให้เหรียญนี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนเหรียญอื่น ซึ่งจากความสามารถหลักของเหรียญนี้ก็แบ่งออกไปเป็น 6 อย่างดังนี้
ที่มา: ทำไมต้องใช้ StarkNet? [2]
โดยในจุดเด่นของเครือข่ายนี้ที่กล่าวไป ก็นับว่าเป็นอีกคริปโตที่น่าสนใจ จากการใช้งานที่มีต้นทุนต่ำกว่า มันยังเป็นเครื่องมือที่เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ โดยใช้ภาษาใหม่อย่าง Cairo ซึ่งนอกจากนี้สตาร์คเน็ตยังมีแผนอัปเดตในอนาคตที่จะทำให้การทำธุรกรรมเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกด้วยจากแผนการพัฒนาดังต่อไปนี้
ในระบบนิเวศของเหรียญนี้ ก็มีบริการหลากหลายที่จะช่วยให้ผู้ใช้งาน ได้รับประสบการณ์ที่ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งก็มีตัวอย่างคือ Argent X Wallet แบบเปิดที่ได้รับความสนใจอย่างมาก หรือ Braavos Wallet ที่ทำงานโดยสัญญาอัจฉริยะ และ สตาร์คเน็ต.ID บริการยืนยันตัวตนที่ให้ผู้ใช้สร้างโปรไฟล์ เฉพาะบุคคล หรืออีกตัวตนบนเครือข่ายมาได้
บริษัท และทีมพัฒนาที่อยู่เบื้องหลังสตาร์คเน็ต ซึ่งดึงดูดความสนใจจาก VC ได้เป็นอย่างมาก จากการระดมทุนได้มากถึง 100 ล้านดอลลาร์ และในรอบ Series D ก็ได้รับการประเมินมูลค่าแตะ 8 พันล้านดอลลาร์ จากการนำโดย Greenoaks Capital, Tiger Global และ Coatue
ในด้านของ Tokenomics หรือตัวพัฒนาเหรียญ ก็ได้มีการสร้างโทเค็นที่ชื่อ STRK ออกมาถึง 1 หมื่นล้านโทเค็น โดยมีแผนจะอนุญาตให้สามารถซื้อขายได้ และมีสัดส่วนการแบ่งออกเป็น 50.1% ถือไว้เอง และขณะที่ 32.9% จะจัดสรรให้กับผู้สนับสนุนหลักรวมถึงทีมงานของ StarkWare และอีก 17% จะเป็นของนักลงทุน โดย 50.1% นี้เองที่จะถูกปล่อยไปในระบบของเครือข่ายให้ซื้อขาย
ที่มา: ทำความรู้จัก Starknet การปฏิวัติ Ethereum ด้วยการขยายขนาด Layer 2 [3]
ราคาของเหรียญ สตาร์คเน็ต ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2024 หรือวันที่เขียนบทความนี้ อ้างอิงจากข้อมูลของเว็บไซต์ coinmarketcap มูลค่าต่อเหรียญก็อยู่ที่ 0.5149 ดอลลาร์หรือราว 18.60 บาทต่อเหรียญ ซึ่งร่วงลงไปกว่า 9.57% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งในด้านมูลค่าตลาดก็อยู่ที่อันดับ 85 ของคริปโตทั้งหมด และมีรายละเอียดโดยรวมดังนี้
ดูรายละเอียดของเหรียญนี้เพิ่มเติมที่ coinmarketcap
การใช้งานโทเคนอื่นในแพลตฟอร์มนี้ ก็ยังทำได้ที่ประหยัดค่าธรรมเนียมมาก ซึ่งประโยชน์ที่เห็นได้ชัดก็จะเป็น การที่ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้มากขึ้นด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าและเร็วขึ้นได้เรื่อยๆ พร้อมทั้งยังมีประโยชน์อีกไม่น้อยในการใช้งานต่างๆ ดังนี้
ที่มา: ทำไมต้องใช้ StarkNet? [2]
แนวทางที่แตกต่างในการ “scaling” หรือจัดการกับการปรับขนาดของจำนวนธุรกรรมได้ แถมเทคโนโลยีนี้ยังช่วยให้ ไม่มีการเพิ่มเชนใหม่ๆ งอกขึ้นมาในระบบของเชนหลักได้อีกด้วย เหมือนเป็นการช่วยลดภาระลงขณะที่มีการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้ โดยทำงานเป็นเครือข่าย L2 ที่สามารถ scale ได้ไม่จำกัดพร้อมความปลอดภัยที่มีดังเดิม
โดยเทคโนโลยีนี้มีชื่อเต็มว่า zero-knowledge rollup ที่จะสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ในการไว้วางใจโหนดอื่น โดยไม่ต้องเรียกใช้การคำนวณใหม่อีก มันจึงช่วยลดจำนวนงานด้านการคำนวณโหนดทั้งหมดอีกครั้ง (Rerun) บนอีเธอเรียมได้อย่างมาก ซึ่งยิ่งมีผู้ใช้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่มีผลใดๆ ในการยืนยันธุรกรรม ตราบใดที่ใช้สตาร์คเน็ต ซึ่งรันธุรกรรมผ่านระบบ Zk rollups นี้ [4]
เหรียญส่งต่อมูลค่า ที่ทำงานโดยตรงกับอีเธอเรียมที่เป็นเชนหลัก โดยเป็นเหรียญที่สามารถรวมธุรกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเครือข่ายเป็นก้อนเดียว มันจึงช่วยลดภาระให้เชนหลักได้สบายๆ และยังคงความถูกต้องของธุรกรรมได้ดังเดิม