เหรียญ ธอร์เชน โทเค็นตัวใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อการ Swap

เหรียญ ธอร์เชน

เหรียญ ธอร์เชน (THORChain) เชนที่เป็นตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีแบบกระจายศูนย์ ซึ่งมี Rune เป็นโทเค็นประจำแพลตฟอร์มของเชนนี้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้งานในแอป DeFi ต่างๆ แต่ต่างจาก เหรียญกลุ่ม DeFi อื่นอย่าง Uniswap, Sushiswap หรือ Pancakeswap และอื่นๆ ที่จะมีโทเค็นที่เรียกว่า wrapped token แต่สำหรับธอร์ หากเราซื้อ BTC บนเครือข่ายนี้ไป แปลว่าจะมี BTC ที่อยู่บนบล็อกเชนจริงๆ เลย

ประวัติ THORChain ความร่วมมือของ Circle กับ Coinbase

เชนนี้ในด้านของรายชื่อผู้ก่อตั้ง หรือรายละเอียดเกี่ยวกับการศึกษาก็ยังไม่มีใครทราบข้อมูลส่วนบุคคล เพียงแต่มีข้อมูลว่าเป็น พัฒนากลุ่มหนึ่งที่เจอกันในงาน Hackathon ของ Binance โดยมีการเริ่มพัฒนาอย่างเป็นทางการในปี 2018 และสร้างสำเร็จในปีนั้นเลย ซึ่งนักลงทุนสนใจโครงการนี้แทบจะทันที เครือข่ายจึงได้รับทุนกว่าล้านในระหว่างรอบการระดมทุน 

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มนี้ยังสามารถทำรายได้เพิ่มได้อีก 250,000 ดอลลาร์ซึ่งก็นำไปสู่การพัฒนาต่อไปเป็นเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำให้เหรียญนี้มีความน่าสนใจสุดๆ และยังนำไปสู่การเปิดตัว Chaosnet ในฤดูร้อนปี 2020 ให้เป็นแบ็คเอนด์สำหรับ BepSwap DEX BepSwap และในฟีเจอร์หลายอย่าง เช่นหน้าเว็บของธอร์เชน จึงเกิดจากการพัฒนาจากชุมชน ของธอร์ล้วนๆ [1]

เหรียญ ธอร์เชน การทำงานที่ออกมาเพื่อสวอปแบบเนทีฟ

ในการทำงานรายละเอียดทางเทคนิคของ THORChain ที่จัดการเพื่อการสวอปแบบเนทีฟ ยังไม่ชัดเจนสำหรับผู้ใช้งานโครงการ แต่ข้อมูลที่ปรากฏเกี่ยวกับเรื่องการทำงานก็สามารถชี้แจงออกมาเป็น การทำงานแบบเข้ารหัสลับทั้งหมดที่ซื้อขายภายใน Chain DEX ซึ่งจะส่งผ่าน โทเค็นอย่าง RUNE ซึ่งเป็นโทเค็นดั้งเดิมของธอร์

  • ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยน BTC เป็น ETH ในแพลตฟอร์มของธอร์ได้ โดยไม่ต้องใช้ wrapped token แบบเชน Swap อื่นๆ
  • ในการสั่งซื้อ และยอมรับหลังจากตรวจสอบรายละเอียดราคาและค่าธรรมเนียมก็จะทำได้โดยอัตโนมัติ และปราศจากการแทรกแซงแบบ BTC ดั้งเดิม ที่จะเป็น RUNE ที่มีการรองรับโดยเครือข่าย Bitcoin
  • ซึ่งกลุ่มผู้ใช้งาน จะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มได้แก่ users คือผู้ใช้งานที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนโทเค็นด้วยบริการของธอร์ และอีกกลุ่มคือ liquidity providers คือผู้ใช้ที่สามารถสร้างสภาพคล่องให้กับโปรโตคอล ด้วยการฝากโทเค็นที่ตัวเองมีมาใส่ในกองกลางเพื่อเป็นตลาดแลกเปลี่ยน

ที่มา: THORChain คืออะไร โปรเจ็กต์แห่งอนาคตกับ Native Swaps [2]

เทคโนโลยีของทอร์เชน ในชื่อธีมของเทพนอร์ททั้งหมด

โดยธอร์ถูกสร้างขึ้นด้วย Cosmos SDK ซึ่งเป็นชุดโปรแกรมหนึ่งของบล็อกเชน Cosmos มันจึงมีการใช้กลไกฉันทามติแบบ Tendermint ที่ธุรกรรมจะต้องได้รับการยอมรับทั้งจาก node อย่างน้อย 2 ใน 3 ของจำนวน node ทั้งหมด ก็จะถือเป็นธุรกรรมที่ถูกต้อง โดยในปัจจุบันมีจำนวนผู้ตรวจสอบอยู่ทั้งหมด 76 node  ซึ่งโครงสร้างของบล็อกเชนสามารถรองรับได้ที่ 360 โหนดเลย

  • Nodes เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญ ทำหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมทั้งบนบล็อกเชนอื่น ที่มาเชื่อมต่อกับบล็อกเชนของธอร์ โดยหลัก ๆ แล้วทำหน้าที่หลักสองอย่าง คือการเป็นผู้สร้าง และดูแล เช่นการเป็นผู้นำโทเค็นมาสร้างสภาพคล่องให้โปรโตคอล และเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมที่เกิดขึ้นนั่นเอง
  • Bifrost Protocol โปรโตคอลสำคัญในระบบของธอร์โดยเฉพาะ ซึ่งจะคอยเชื่อมต่อกับบล็อกเชนแต่ละเชนเข้าไว้ด้วยกัน และ Bifrost ยังเป็นดั่งสะพานที่ช่วยยืนยันความปลอดภัยของการทำธุรกรรมข้ามเชนได้ รวมถึงป้องกันปัญหา double-spending เมื่อมีการส่งโทเค็นจากบล็อกเชนอื่นเข้ามายัง Chain หลักสะพานไบฟรอสนี้ก็จะให้ node ทำการยืนยันความถูกต้อง
  • Yggdrasil Protocol ต้นไม่ที่เป็นดั่งศูนย์รวม บล็อกเชนนี้ในกรณีที่มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น และมีความถี่ของการทำธุรกรรมที่เพิ่มสูงขึ้น ย่อมทำให้บล็อกเชนช้าลง หรือเกิดปัญหาคอขวด (bottleneck) อิกดราซิลนี้จะใช้วิธี Sharding เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว เป็นการแบ่งบล็อกเชนออกเป็นเชนย่อย และกระจาย node ออกไปตามเชนต่างๆ ด้วยวิธีนี้ จำนวน node ขั้นต่ำที่จะต้องตรวจสอบธุรกรรม 1 ธุรกรรม ก็จะลดลง

ที่มา: THORChain: ชุมสายโซ่ Cryptocurrency [3]

ราคา RUNE เหรียญเทพเจ้าสายฟ้าที่อยู่ในอันดับ 52 ของโลก

ราคาของเหรียญนี้เคยขึ้นไปแตะอยู่ที่ 20.87 ดอลลาร์ในช่วง All time high หรือช่วงที่ไฮป์สุดๆ วันที่ 19 พฤษภาคม 2021 ซึ่งผ่านไป 3 ปีกว่าก็มีการปรับราคามาอยู่ที่ 4.32 ดอลลาร์หรือราวๆ 146.75 บาทต่อเหรียญ ในความนิยม เหรียญนี้ก็ได้อยู่ในอันดับต้นๆ อย่างอันดับที่ 52 ของโลกจากการมีมูลค่าตลาดสูงกว่า พันล้านดอลลาร์

  • มูลค่าตามตลาดรวม: 1.45 พันล้านดอลลาร์
  • ปริมาณการซื้อขายใน 24 ชั่วโมง: 110.29 ล้านดอลลาร์
  • Supply หรือจำนวนเหรียญที่หมุนเวียนในระบบ: 335.1 ล้านโทเค็น
  • Max Supply: มีเหรียญที่ล็อกไว้ในระบบที่ 413.7 ล้านโทเค็น

เข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับราคาเพิ่มเติมที่ coinmarketcap

แพลตฟอร์มจากผู้ให้บริการของ เหรียญ ธอร์เชน

โดยในแพลตฟอร์มเหล่านี้ จะมีการให้รางวัลแก่ผู้ใช้ที่มีส่วนร่วมในสภาพคล่องในกองกลาง ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มที่ปรับปรุงให้มีการทำงานได้หลายเชนมากขึ้น ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงสภาพคล่องโดยไม่จำเป็นต้องค้นหาผู้ซื้อหรือผู้ขายโดยตรง จากการทำงานของแพลตฟอร์มให้บริการเหล่านี้

  • Bifrost Protocol

โปรโตคอลที่ทำงานเป็นระบบสะพานข้ามเชน มันมีความสำคัญต่อการดำเนินงานเครือข่าย ระหว่างสองเชน ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ช่วยให้สามารถใช้งานร่วมกับธุรกรรมหลักที่ไม่ได้ใช้ (UXTO) รวมถึงรหัสแยกช่วยให้ ธอร์เชนเชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างราบรื่น

  • ThorSwap

เป็นแพลตฟอร์ม DEX แบบ Multi-chain อีกตัวที่ขับเคลื่อนโดยเชนหลัก ปัจจุบัน DEX มีสภาพคล่องมากกว่า 65.68 ล้านดอลลาร์ และผู้ใช้สามารถค้นหา RUNE หรือโปรเจ็กต์อื่นๆ มากมายโดยใช้ DEX นี้ ซึ่งจะมีอินเทอร์เฟซแบบโต้ตอบ และใช้งานง่าย

ที่มา: Investing In THORChain (RUNE) – Everything You Need to Know [1]

Roadmap และฟีเจอร์อื่นๆ บริการที่พัฒนาขึ้นโดยทีมธอร์

ในส่วนของฟีเจอร์ที่พัฒนาขึ้นโดยเชนหลักเชนนี้ ก็จะมีทั้งการอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างอักขระความยาวไม่เกิน 30 ตัวอักษรเรียกว่า THORName ให้ใช้เป็นชื่อ cross-chain wallet โดยสามารถโอนมาที่กระเป๋าตามชื่อที่เราตั้งไว้ ได้เลย แถมยังมีฟีเจอร์กระเป๋าเงินดิจิทัลที่สามารถโอนโทเค็นข้ามบล็อกเชนได้หลากหลายบล็อกในแอปพลิเคชันเดียวเลยด้วย และในด้านโร้ดแมพก็มีแผนพัฒนาดังนี้

  • Chain Integrations แผนที่จะเพิ่มการเชื่อมต่อ ให้เข้ากับบล็อกเชนขนาดใหญ่อีกหลายเจ้า โดยที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาก็จะมี Avalanche และ Cosmos ที่สำเร็จไป ส่วนที่เหลือในแผนก็จะมี Decred, Zcash, Monero, Dash และ Haven Protocol 
  • Giving controls to the community เป็นการยกระดับโปรเจกต์ในแง่ของความกระจายศูนย์ครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นการพัฒนาในปัจจุบัน ที่อยู่ภายใต้การดูแลของทีมธอร์เป็นหลัก โดยในอนาคต ทางทีมเองก็จะกระจายการพัฒนาโปรเจกต์ออกไปยังผู้ใช้งานต่างๆ มากขึ้น ให้เป็นการถ่ายอำนาจในการพัฒนาออกไป

ที่มา: THORChain: ชุมสายโซ่ Cryptocurrency [3]

สรุป เหรียญ ธอร์เชน เชนเทพเจ้าสายฟ้าที่มีไบฟรอสช่วยเชื่อมต่อ

เหรียญ ธอร์เชน

เครือข่ายที่มีแรงบันดาลใจมาจาก โครงสร้างตามความเชื่อของชาวนอร์ท ที่มีโครงสร้างหลักของเชนเป็นดั่งต้นไม้ Yggdrasil และมี  Protocol เชื่อมต่อไปยังเชนอื่นอย่าง Bifrost ที่เหมือนสะพานเชื่อมต่อไปยังโลกทั้ง 9 ในโครงสร้างของ  อิกดราซิล ซึ่งในโลกคริปโตมีมากกว่านั้น อีกทั้งทีมสร้างยังไม่เปิดเผยชื่อจริง และยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง