ลงทุน Sony ชื่อบริษัทจากญี่ปุ่นที่หลายคนรู้จักกันดี และเติบโตมาหลายยุคสมัยตั้งแต่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างเครื่องเล่นเสียงพกพา sony walkman มาจนถึงยุคที่โซนี่ธุรกิจบันเทิง รวมถึงเกมที่กลายเป็นตัวทำเงินมหาศาลให้กับบริษัทนี่เลย บทความนี้จึงเป็นการพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับกิจการนี้ ความเป็นมา พร้อมรายละเอียดหุ้นกับกองทุนน่าสนใจ
ปัจจุบันบริษัท โซนี่มีกำไรหลักจากการทำเพลง ลงทุน อุตสาหกรรมเกม และบริการทางด้านเน็ตเวิร์กต่างๆ ในสัดส่วนรายได้กว่า 29% ซึ่งบริษัทที่ก็ยังทำหลายๆ อย่างไปด้วย ไม่ว่าเราจะพูดถึงกล้องถ่ายรูป เครื่องเล่น ทีวี ก็มีแบรนด์นี้ หรือจะเป็นหนัง การ์ตูน และเพลงก็ตาม ซึ่งนี่ก็เป็นสัดส่วนต่างๆ ของธุรกิจที่บริษัทนี้ทำ
ที่มา: อาณาจักร SONY ทำธุรกิจอะไรบ้าง ? [1]
โซนี่ เริ่มแจ้งเกิด และเป็นที่รู้จักครั้งแรกในช่วงปี 1950 ในฐานะผู้ผลิตเครื่องอัดเสียง ก่อนจะเริ่มต่อยอดธุรกิจผลิตวิทยุ ที่อาจไม่คุ้นสักเท่าไหร่ และตามมาด้วย ทีวี, กล้องถ่ายรูป, กล้องบันทึกวิดีโอ ไปจนถึงเครื่องเล่นวิดีโอ และซีดี โดยก็ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพสินค้าที่ดีกับราคาที่น่าซื้อ จนใน 1979 ก็เริ่มกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นระดับโลกจากเครื่องเล่นเพลง โซนี่วอล์กแมน ที่ทำยอดขายสูงมากในยุคนั้นถึง 400 ล้านเครื่อง
เข้าสู่ช่วงทศวรรษ 1980 โซนี่เริ่มเล็งเห็นถึงการพึ่งพากิจการจากการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป จึงขยายไปยังธุรกิจบันเทิงด้วย ซึ่งต้นทุนธุรกิจบันเทิงส่วนหนึ่งก็มาจากอุปกรณ์ของโซนี่เองด้วย และในปี 1994 ได้พัฒนาเครื่องเล่นเกมของตัวเอง ที่เรียกว่า PlayStation แบบทุกวันนี้ [2]
โดยในหัวข้อนี้จะเป็นการพูดถึงกำไร จากรายงานผลประกอบการล่าสุดของโซนี ปี 2023 ซึ่งบริษัทมีรายรับรวม 3.75 ล้านล้านเยน พร้อมกำไรที่ 3.64 แสนล้านเยน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าก็มีการเติบโตไปถึง 22% ซึ่งรายได้หลักก็มาจากการทำเกม การออก PlayStation5 เวอร์ชันใหม่ๆ ด้วยถึงจะไม่ค่อยถล่มทลาย แต่ก็มีเกม และเพลง คอยหนุนรายรับได้
ที่มา: ผลประกอบการ Sony ไตรมาส 3 ปี 2023 รายรับรวมโต 22% แต่แผนกมือถือ Xperia ยอดขายตก 18% [3]
โดยโซนี่ก็เป็นบริษัทเกมชั้นนำที่ติดอันดับ Top 10 ของโลก พร้อมส่วนแบ่งกำไรกว่า 15% จากอุตสาหกรรมเกมทั้งหมด โดยบริษัทนี่ก็มีช่องทางการลงทุนมากมาย ที่จะทำเงินให้ในระยะยาว และระยะเก็งกำไรได้ ซึ่งก็จะมีทั้งหุ้นเอง และกองทุนต่างๆ มากมาย
KKP GNP-H กองทุนที่ลงทุนในหุ้นชั้นนำของโลก โดยมีสัดส่วนของเทคโนโลยีมากที่สุดถึง 23.50 % และยังกระจายความเสี่ยงไปในการแพทย์ 17.16 % สินค้าฟุ่มเฟือย 12.63 % และอื่นๆ
ธุรกิจที่มีสินค้าและบริการหลากหลาย อาจจะอยู่ในการทรงตัว บางอย่างก็ทำกำไรไม่ได้ดีมาก แต่ธุรกิจหลัก อย่างการทำเกม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ยังสามารถสร้างรายได้ดีอยู่ และเกมก็ยังอยู่ในธีมที่มาแรงอย่างมากในช่วงนี้