กิจการ Xiaomi ที่เปรียบได้เป็นร้านสารพัดรับจ้าง ที่ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่สเกลเล็กๆ อย่างมือถือ พัดลมไอน้ำ ไปจนถึงทีวี ตู้เย็น และสเกลใหญ่ๆ อย่างรถยนต์ไฟฟ้า เจ้านี้ก็เข้าร่วมสงครามขายด้วย โดยบทความนี้จึงเป็นการเล่าถึงจุดเริ่มต้นกิจการนี้ รายได้ อีกหนึ่ง ธีมลงทุน มาแรง พร้อมแนะนำการลงทุนกับกองทุน
จุดเริ่มต้นของเสี่ยวมี่นั้นจริงๆ แล้วเริ่มมาจากการผลิตเฟิร์มแวร์สำหรับโทรศัพท์แอนดรอยด์ในปี 2010 ที่อาจคุ้นหูว่า MIUI อาจด้วยภูมิหลังที่ถนัดด้าน Software เสี่ยวมี่จึงไม่ใช่บริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยมาจากการรวมตัวกันของ Lei Jun (เหลย จุน) และอีก 7 คนที่ดีกรีไม่ธรรมดา
ซึ่งผ่านมาไม่ถึงปี ช่วง 2011 บริษัทก็เปิดตัวโทรศัพท์รุ่นแรกออกมาพร้อมคอนเซปต์ถูกและดีเลยทันที ทำให้ยอดขายโทรศัพท์รุ่นแรกทะลุ 7 ล้านเครื่อง และก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และก็เริ่มผลิตสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น และขยายไปยังธุรกิจ Internet Services ตามสเต็ปบริษัทจีนที่เริ่มโต [1]
โดยในปัจจุบันบริษัทเสี่ยวมี่นี้ก็มีรายได้หลักมาจาก 3 ธุรกิจด้วยกัน ซึ่งก็เป็นธุรกิจที่ทำกันมาตั้งแต่ต้น ตามที่ระบุไปก่อนหน้านี้นั่นเอง และก็อยู่ตัวจากการที่ทางบริษัทได้ขยายตลาดออกไปทั่วโลกแล้ว ผ่านการทำธุรกิจ 3 อย่างนี้
ที่มา: Xiaomi ผู้ผลิตสากกะเบือยันเรือรบ กับธุรกิจลับที่หลายคนคาดไม่ถึง [1]
โดยในปี 2566 หรือ 2023ที่ผ่านมานี้ รายรับรวมของกลุ่มธุรกิจเสี่ยวมี่อยู่ที่ 271.0 พันล้านหยวน กำไรที่ 19.3 พันล้านหยวน โดยการเติบโตนี้คิดเป็น 126.3% ซึ่งนับเป็นกำไรสูงสุดอันดับสอง นับตั้งแต่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
ที่มา: Xiaomi กำไรพุ่ง 126.3% ปี 2023 รับกลยุทธ์ครอบคลุม ‘คน-รถยนต์-บ้าน’ [2]
นอกจากธุรกิจในการผลิตสมาร์ตโฟนที่ เป็นแบรนด์อันดับ 3 ของโลกและทำยอดการจัดส่งมากถึง 145.6 ล้านเครื่องในปี 2566 แล้ว ในปีนี้ Xiaomi ยังจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่แถมเคลมว่าดีกว่า Tesla หลายๆ ด้าน จึงเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่น่าจับตา ก่อนจะไปแนะนำช่องทางการลงทุนที่ที่ปลอดภัยแบบกระจายความเสี่ยงในหุ้นเพียง 10 ตัวท็อปของจีน และมีเสี่ยวมี่เป็นหนึ่งในนั้น
อีกหนึ่งธุรกิจน่าจับตามองของเสี่ยวมี่ที่อาจจะทำได้เหมือนสมาร์ตโฟนที่ครองอันดับ 3 รองจากไอโฟน และซัมซุง ซึ่งในวงการรถยนต์ไฟฟ้า ก็อาจจะได้อยู่อันดับต้นๆ รองจาก เทสล่า และ BYD เลยก็ได้ โดยซีอีโอกล่าวว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัทจะเป็นรถที่ ดูดีที่สุด ขับง่ายที่สุด และฉลาดที่สุด ด้วยราคาที่ไม่ถึง 5 แสนหยวน
ที่มา: ซีอีโอ “เสียวหมี่” ตั้งเป้าให้รถ EV รุ่นแรก “ดูดีที่สุด ขับง่ายที่สุด ฉลาดที่สุด” [3]
แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็มีเสี่ยวมี่อยู่ในกองด้วย กองทุนรวมหุ้นจีนนี้เน้นลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง และเน้นความเป็นผู้นำในด้าน Brand Value ซึ่งเป็นกองทุนใหม่ที่ให้ผลตอบแทนน่าพอใจเป็นอย่างมาก
ดูรายละเอียดกองทุนได้ที่ finnomena
กิจการม้ามืดจากจีน กับไอเทมที่ขึ้นชื่อเรื่องถูกและดี ไม่หวังที่ 1 แต่หวังรายได้จากหลายๆ ที่ ทำให้ภาพรวมกิจการนี้ก็ทำกำไรต่อปีได้ทะลุ 80-100% พร้อมกับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งอาจสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูก และดีมาขายได้ ซึ่งก็มีกองทุนที่น่าสนใจลงทุนใน Xiaomi ด้วย