กองทุนอเมริกา เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่มีผู้ให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการมีเครื่องมือต่างๆ เข้ามา คนส่วนมากจึงเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น แต่การเข้าถึงง่ายจึงมาพร้อมกับตัวเลือกที่หลากหลาย แน่นอนว่าการลงทุนที่ดีที่สุดก็คือการเลือกบริษัทใหม่ๆ หรือสตาร์ทอัพที่จะโตได้ไว แต่หากยังเลือกไม่ได้ บทความนี้ก็จะมาแนะนำการลงทุนในหุ้นที่มากถึง 500 ตัวอย่าง S&P 500 กองทุนแบบ ETF
Exchange Traded Funds กองทุนนี้เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนตามดัชนี ให้ผลประกอบการใกล้เคียงกับตลาดมากที่สุดหรือการลงทุนแบบ Passive ซึ่งก็มาจากศึกกองทุนเชิงรุก VS เชิงรับ [1] ที่ยาวนานกว่า 10 ปีที่ และสิ้นสุดไปเมื่อปี 2017 ที่เป็นการท้าทายของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ว่ากองทุนไหนที่สามารถชนะตลาดหุ้นอเมริกาได้ใน 10 ปีก็จะให้เงินกว่า 500000 US
ปรากฏว่า 10 ปีต่อมาบริษัทเฮดจ์ฟันด์ที่รับคำท้าก็ไม่สามารถชนะตลาดได้ นี่จึงเป็นการพิสูจน์ว่า การลงทุนที่ล้อไปกับดัชนีตลาด จะมั่นคงและทำเงินได้มากกว่ามืออาชีพแน่นอน เพียงแต่ต้องใช้เวลา ETF จึงหมายถึง กองทุนรวมที่พยายามจะสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีประเทศนั้นๆ ซึ่งไทยเราก็มีอย่าง Set50 ที่กระจายซื้อหุ้นกว่า 50 ตัวในไทย ซึ่งก็มีหลายเจ้า เราจึงต้องใช้เกณฑ์เลือกให้เหมาะกันเราที่สุด
ในหัวข้อนี้จะเป็นการแนะนำเกณฑ์ที่ควรตั้งไว้ สำหรับการเลือก กองทุนอเมริกา ให้มีประสิทธิภาพที่สุด และเหมาะกับเรามากที่สุด เพราะแต่ละโบรกเกอร์ก็มีนโยบายที่ต่างกัน ซึ่งจะเป็นเกณฑ์ที่ใช้ได้กับกองทุนทั้งหมด โดยมีเกณฑ์ในการดูดังนี้
ที่มา : เปิดโพย 4 กองทุน S&P 500 ETF ผลงานเด่นตลอดกาล [3]
อย่างที่เห็นกันว่ากองทุนแบบ ETF ที่ทำกำไรตามตลาดสหรัฐฯ อย่าง S&P500 มีให้เลือกเยอะมากซึ่งเราจะมาแนะนำกองทุนในไทย 3 เจ้าที่มีพื้นฐานที่ดี และเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มนักลงทุนในกองทุน ซึ่งก็จะใช้เกณฑ์ตามหัวข้อข้างต้นเข้ามาเป็นส่วนประกอบในการดูด้วย ซึ่ง 3 กองทุนอเมริกา ที่จะแนะนำ ก็มีดังนี้
SCBS&P500
K-US500X-A(A)
TMBUS500
กองทุนอเมริกา ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงได้มากถึง 500 ตัว หรือจะซื้อเป็นรายตัวเพิ่มไปด้วยได้ ซึ่งทั้ง 3 กองทุนนี้ล้วนเป็นกองทุนรวมที่อ้างอิงดัชนี ในอเมริกาที่เรียกได้ว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งก็ยังมี Index fund หรือกองทุนแบบ ETF อีกมากมายให้ตัดสินใจเลือกทั้งไทย และต่างประเทศ