คาร์โนทอรัส เป็นหนึ่งในไดโนเสาร์ประเภทกินเนื้อ หรืออีกชื่อเรียกว่า วัวกินเนื้อ ที่ดำรงชีวิตอยู่ในช่วงยุคครีเทเซียสตอนปลาย และเป็นไดโนเสาร์จากซีกโลกใต้ ที่มนุษย์รู้จักกันมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรับชมผ่านทางภาพยนตร์ หรือการรับชมผ่านทางสารคดี เราจะพาผู้อ่านไปรู้จักไดโนเสาร์กินเนื้อสายพันธุ์นี้
คาร์โนทอรัส (Carnoraurus) หนึ่งในสายพันธุ์ไดโนเสาร์กินเนื้อจากทางซีกโลกใต้ ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับ Carnotaurus Sastrei มีการค้นพบซากโครงกระดูกที่มีความสมบูรณ์แบบกว่า 70% จึงทำให้นักบรรพชีวินวิทยาหลายท่าน มีความรู้เกี่ยวกับเจ้าไดโนเสาร์ตัวนี้ ส่วนใหญ่จะค้นพบที่รัฐชูบุต ประเทศอาร์เจนตินา ทวีปอเมริกาใต้
การค้นที่ในปี 1984 ซึ่งถูกจัดในหมวดหิน La Colonia Formation ตระกูลไดโนเสาร์เทอโรพอตขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งลักษณะเด่นของไดโนเสาร์ตระกูลนี้ จะมีขาหน้าที่เล็ก รูปร่างปราดเปรียวเหมาะสำหรับการออกวิ่ง แต่ด้วยลักษณะลำตัวที่สูงใหญ่และยาว จึงทำให้มันไม่สามารถเลี้ยวได้ทันที และอาจทำให้มันล้มลง
ลักษณะเด่นของเจ้าวัวกินเนื้อ จะมีความยาวของลำตัว 7.4-8 เมตร และมีน้ำหนักประมาณ 1.3-2.1 ตัน มีเขาสองข้างที่โดดเด่นอยู่บนหัว ซึ่งนักบรรพชีวินวิทยาหลายท่าน ได้ทำการศึกษาเขาของมัน แต่มีการสันนิษฐานว่า เขาของมันมีไว้เพื่อป้องกันตัว และใช้ในการหาคู่ และที่สำคัญคือพวกมันไม่มีขน [1]
สำหรับตระกูลของไดโนเสาร์นักล่า ไม่ได้มีแค่เจ้าไดโนเสาร์ตัวนี้เท่านั้น ทางผู้เขียนยังได้มีการเขียนบทความรีวิวไดโนเสาร์ประเภทนี้ สามารถคลิกเข้าไปดูบทความแนะนำได้ที่ ไดโนเสาร์กินเนื้อ
ที่มา: Carnotaurus [2]
สำหรับเจ้าวัวกินเนื้อ หรือ คาร์โนทอรัส เป็นไดโนเสาร์เทอโรพอตสกุลอะเบลิซอรัส ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว พวกมันอาศัยอยู่ในประเทศอาร์เจนตินา ในช่วงปลายยุคครีเทเซียส เป็นหนึ่งในประเภทไดโนเสาร์กินเนื้อสุดแปลก แต่อันตรายมากที่สุด เท่าที่มนุษย์ได้มีการค้นพบ เราจะพาผู้อ่านไปดูพฤติกรรม และการค้นพบซากฟอสซิล
ระหว่างที่ภูเขาไฟปะทุ พวกมันแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ซึ่งอาจจะเกิดจากความหิวในระดับที่สูง มีแนวโน้มที่พวกมันจะออกล่าอาหาร รวมไปถึงเนื้อของมนุษย์ ความหิวของมันสามารถโจมตีเหยื่อที่มีขนาดใหญ่ เช่น ซิโนเซอราทอปส์ แต่ก่อนที่มันจะกระโจนเข้าหาเหยื่อ มักจะระแวงนักล่าขนาดใหญ่กว่าพวกมันอยู่เสมอ [3]
หลังจากที่เพิ่งออกจากไข่ มันจะเริ่มต้นที่มีหัวขนาดที่ใหญ่ เมื่อเทียบกับลำตัวของมัน ขากรรไกรที่ยังไม่มีการพัฒนา ส่วนขามีความแข็งแรง สามารถออกวิ่งได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ผิวหนังและเกล็ดที่ยังไม่มีความเด่นชัด ถึงแม้จะไม่ทราบอัตราการเติบโตที่แน่ชัด แต่มันใช้เวลา 9-10 ปี ในการพัฒนาร่างกายโตเต็มวัย
สำหรับการแบ่งเพศ จะมีความแตกต่างกัน 2 แบบ ตัวผู้จะมีสีผิวหนังเข้มกว่า ตัวเมียจะมีลวดลายที่อ่อนกว่า อาจจะเป็นไปได้ว่าไม่มีความแตกต่างทางเพศ เช่นเดียวกับเพนกวิน เพศผู้บางตัวจะมีสีคล้ายกับเพศเมีย ซึ่งทำให้พวกมันสามารถหลบหนีสายตาเพศผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า และไม่ถูกตรวจสอบในช่วงฤดูผสมพันธุ์ [4]
ในปี พ.ศ. 2527 นักบรรพชีวินวิทยาชาวอาร์เจนตินา โฮเซ โบนาพาร์ต ได้มีการค้นพบซากฟอสซิลของได้โนเสาร์ชนิดหนึ่ง ในภูมิภาคปาตาโกเนีย จังหวัดซูบุต ซึ่งได้มีการตั้งชื่อซากฟอสซิลนี้ว่า Carnotaurus sastrei เพราะว่ามันมีลักษระที่แปลกของหัวกะโหลกศีรษะ ซึ่งมันมีนอขนาดใหญ่
ซากฟอสซิลของคาร์โนทอรัส พร้อมกับแผ่นหนังที่มีเกล็ดของมัน ถึงแม้ว่านักบรรพชีวินวิทยาจะรู้ว่า อาจจะเป็นไดโนเสาร์มีเกล็ดประเภทอื่น แต่นี่ก็คือซากฟอสซิลไดโนเสาร์กินเนื้อตัวแรก ที่มีการค้นพบซากกระดูกพร้อมกับผิวหนัง ทีมวิจัย ดร.คริสตอฟ เฮนดริกซ์ เผยว่า จากการดูผิวหนังของมัน พบว่ามีความหลากหลาย
ทีมวิจัยเผยว่า ไดโนเสาร์ชนิดนี้มีขนาดยาว 8 เมตร แตกต่างจากการค้นพบไดโนเสาร์มีขนเหมือนนกในจีน เพราะพวกมันมีเกล็ดทั้งตัว แต่ไม่มีหลักฐานที่ชี้ว่ามีขน พวกมันเป็นนักล่าที่ปราดเปรียว และผิวหนังที่เป็นเกล็ดของมัน ซึ่งมีความสำคัญต่อการควบคุมอุณหภูมิภายในร่างกาย เช่นเดียวกับสัตว์เลื้อยคลานในปัจจุบัน [5]
โดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นไดโนเสาร์ที่มีความน่าสนใจ ในด้านของการศึกษาวิวัฒนาการ ของไดโนเสาร์กินเนื้อ นอกจากโครงสร้างที่มีความโดดเด่น แต่มันยังเป็นไดโนเสาร์ที่มีรูปลักษณ์พิเศษ และในปัจจุบัน ยังมีการนำมาใช้ในการสร้างภาพยนตร์ชื่อดัง และสื่อบันเทิงอีกมากมายหลายเรื่อง